รูปชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าป้ายตู้ไฟเมนูร้านอาหาร

ตู้ป้ายไฟ กับข้อควรรู้เกี่ยวกับกฎหมาย

ตู้ป้ายไฟ หรือที่หลายคนเรียกว่า “ป้ายไฟ LED” เป็นส่วนสำคัญของธุรกิจหลากหลายประเภท เพราะเมื่อคุณเห็นแสงสีสันสดใสของตู้ป้ายไฟตามห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร ร้านค้าปลีก และแม้แต่ตามถนนหนทาง มันจะทำหน้าที่ดึงดูดสายตา สื่อสารข้อมูล และสร้างภาพลักษณ์ที่โดดเด่นให้กับธุรกิจของคุณได้

แต่รู้หรือไม่ว่า การติดตั้งตู้ป้ายไฟนั้น มีกฎหมายควบคุมอยู่ด้วย และบทความนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับกฎหมายตู้ป้ายไฟ พร้อมคำแนะนำในการใช้งานที่ถูกต้อง

Table of Contents

กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับตู้ป้ายไฟ

รูปชายคนหนึ่งเดินอยู่ในย่านที่มีป้ายตู้ไฟร้านอาหารติดตั้งเรียงราย
  • พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒: กำหนดหลักเกณฑ์ทั่วไปเกี่ยวกับการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือทุบตึกอาคาร รวมไปถึงป้ายโฆษณา ป้ายบอก ป้ายเตือน และสิ่งอื่นใดที่ติดตั้งอยู่บนอาคาร โดยต้องได้รับอนุญาตจากท้องที่ท้องถิ่น
  • กฎกระทรวงว่าด้วยการควบคุมป้ายโฆษณา พ.ศ. ๒๕๕๘: กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอใบอนุญาตติดตั้ง การดัดแปลง การรื้อถอน หรือการทุบป้ายโฆษณา ป้ายบอก ป้ายเตือน สิ่งอื่นใดที่คล้ายคลึงกับป้ายโฆษณา รวมไปถึงขนาด ตำแหน่ง และความสูงของป้ายที่ติดตั้ง
  • ข้อบังคับกรุงเทพมหานคร ว่าด้วยการควบคุมป้ายโฆษณา พ.ศ. ๒๕๖๑: กำหนดรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขอใบอนุญาต การติดตั้ง และการควบคุมป้ายโฆษณาในเขตกรุงเทพมหานคร
รูปชายคนหนึ่งกำลังถ่ายรูปป้ายตู้ไฟหน้าร้านอาหารในตอนกลางคืน

ข้อควรรู้เกี่ยวกับกฎหมายตู้ป้ายไฟ

1.ต้องขอใบอนุญาตติดตั้งตู้ป้ายไฟ

การขอใบอนุญาตเป็นขั้นตอนสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะเป็นการปฏิบัติตามกฎหมายและป้องกันปัญหาในอนาคต

  • หน่วยงานที่รับผิดชอบ: ติดต่อสำนักงานเขตหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ที่จะติดตั้งป้าย
  • เอกสารที่ต้องเตรียม: โดยทั่วไปประกอบด้วย แบบคำขออนุญาต, สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาทะเบียนบ้าน, แบบแปลนหรือแผนผังแสดงรายละเอียดของป้าย, หนังสือยินยอมจากเจ้าของอาคาร (กรณีติดตั้งบนอาคารที่ไม่ใช่ของตนเอง)
  • ค่าธรรมเนียม: อัตราค่าธรรมเนียมอาจแตกต่างกันไปในแต่ละท้องที่ ควรสอบถามจากหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง

2.ขนาด ตำแหน่ง และความสูงของตู้ป้ายไฟต้องเป็นไปตามกฎหมาย

กฎหมายกำหนดข้อจำกัดเหล่านี้เพื่อความปลอดภัยและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง

  • ขนาด: โดยทั่วไป ขนาดของป้ายจะถูกจำกัดตามพื้นที่และประเภทของเขตพื้นที่ เช่น เขตพาณิชยกรรมอาจอนุญาตให้มีขนาดใหญ่กว่าเขตที่อยู่อาศัย
  • ตำแหน่ง: ต้องไม่กีดขวางทางสัญจร ไม่บดบังป้ายจราจรหรือสัญญาณไฟ และไม่รุกล้ำพื้นที่สาธารณะ
  • ความสูง: มักมีการกำหนดความสูงสูงสุดเพื่อไม่ให้บดบังทัศนียภาพหรือเป็นอันตรายในกรณีที่เกิดพายุหรือลมแรง

3.ตู้ป้ายไฟต้องไม่ส่องแสงรบกวน

แสงจากป้ายไฟไม่ควรสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับผู้อื่น โดยเฉพาะในเวลากลางคืน

  • ความสว่าง: ควรปรับความสว่างให้เหมาะสม โดยเฉพาะในเวลากลางคืน อาจต้องลดความสว่างลงเพื่อไม่ให้รบกวนผู้อยู่อาศัยในบริเวณใกล้เคียง
  • ทิศทางของแสง: ควรออกแบบให้แสงส่องไปในทิศทางที่ต้องการโดยไม่รบกวนบ้านเรือนหรือถนนใกล้เคียง
  • การใช้ตัวกรองแสง: อาจพิจารณาใช้ตัวกรองแสงหรือฉากบังแสงเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยรอบ

4.ตู้ป้ายไฟต้องไม่ส่งเสียงรบกวน

ป้ายไฟบางประเภทอาจมีระบบเสียงประกอบ ซึ่งต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ

  • ระดับเสียง: ควรควบคุมระดับเสียงให้อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด โดยทั่วไปไม่ควรเกิน 70 เดซิเบล
  • เวลาในการเปิดเสียง: ควรจำกัดเวลาในการเปิดเสียง โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนหรือช่วงเวลาพักผ่อน
  • เนื้อหาของเสียง: ควรระมัดระวังเนื้อหาของเสียงที่เปิด ไม่ให้มีลักษณะที่อาจสร้างความรำคาญหรือขัดต่อศีลธรรมอันดี

5.ต้องดูแลรักษาตู้ป้ายไฟให้ปลอดภัย

การบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุการใช้งาน แต่ยังเป็นการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นด้วย

  • การตรวจสอบสภาพ: ควรมีการตรวจสอบสภาพของป้ายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยทุก 3-6 เดือน
  • การซ่อมแซมทันที: หากพบความเสียหายหรือชำรุด ควรดำเนินการซ่อมแซมโดยเร็ว เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น
  • ระบบไฟฟ้า: ควรตรวจสอบระบบไฟฟ้าเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันการลัดวงจรหรือไฟไหม้
  • การทำความสะอาด: ควรทำความสะอาดป้ายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาประสิทธิภาพในการสื่อสารและภาพลักษณ์ที่ดี
รูปคนกำลังอ่านเอกสารทางกฎหมายเกี่ยวกับป้ายตู้ไฟในสำนักงาน

บทลงโทษหากฝ่าฝืนกฎหมายเกี่ยวกับตู้ป้ายไฟ

บทลงโทษขึ้นอยู่กับความร้ายแรงของการกระทำ โดยทั่วไปแล้ว มีดังนี้

  • ปรับ: ปรับสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท
  • จำคุก: จำคุกไม่เกิน 1 เดือน
  • ทั้งจำทั้งปรับ: ทั้งจำคุกและปรับ
ผู้หญิงและผู้ชายกำลังถกเถียงกันเรื่องป้ายหน้าร้านที่เป็นตู้ไฟ โดยมีฉากหลังเป็นป้ายร้านต่าง ๆ

ข้อแนะนำในการใช้ป้ายตู้ไฟหน้าร้าน

การใช้ป้ายตู้ไฟหน้าร้านเป็นสิ่งที่สำคัญในการดึงดูดลูกค้าและสร้างเอกลักษณ์ให้กับธุรกิจ อย่างไรก็ตาม การติดตั้งและใช้งานป้ายดังกล่าวต้องคำนึงถึงกฎหมายและข้อบังคับต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ดังนี้

1.ศึกษากฎหมายและข้อบังคับท้องถิ่นให้ละเอียดก่อนติดตั้งตู้ป้ายไฟ

ก่อนที่จะติดตั้งป้ายตู้ไฟหน้าร้าน เจ้าของธุรกิจควรศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายและข้อบังคับท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้งป้ายโฆษณา เช่น ขนาด รูปแบบ และตำแหน่งที่อนุญาตให้ติดตั้ง เพื่อป้องกันการถูกปรับหรือการรื้อถอนป้ายในภายหลัง การไม่ปฏิบัติตามกฎหมายอาจส่งผลเสียต่อธุรกิจได้

2.ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันปัญหาและความยุ่งยาก

การปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดไม่เพียงแต่ช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาทางกฎหมาย แต่ยังสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าและชุมชน การมีป้ายที่ถูกต้องตามกฎหมายแสดงถึงความรับผิดชอบและความเป็นมืออาชีพของธุรกิจ ซึ่งสามารถช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีได้

3.ติดตั้งตู้ป้ายไฟอย่างคำนึงถึงความปลอดภัย และไม่กีดขวางทัศนวิสัย

การติดตั้งป้ายตู้ไฟควรคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้สัญจรและไม่กีดขวางทัศนวิสัย การเลือกตำแหน่งที่เหมาะสมและการติดตั้งที่มั่นคงจะช่วยลดความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ นอกจากนี้ ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าป้ายไม่บดบังสัญญาณจราจรหรือป้ายอื่น ๆ ที่สำคัญ

4.เลือกใช้ตู้ป้ายไฟที่มีคุณภาพ ทนทาน และประหยัดพลังงาน

การเลือกใช้ป้ายตู้ไฟที่มีคุณภาพสูงและประหยัดพลังงานไม่เพียงแต่ช่วยลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว แต่ยังช่วยให้ป้ายมีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น ป้ายที่ทำจากวัสดุทนทานและมีการออกแบบที่ดีจะสามารถดึงดูดลูกค้าได้มากขึ้น และสร้างความประทับใจให้กับผู้ที่พบเห็น

สรุป

ตู้ป้ายไฟ หรือป้ายไฟ LED เป็นส่วนสำคัญในการดึงดูดความสนใจของลูกค้าและสร้างภาพลักษณ์ให้ธุรกิจ แต่การติดตั้งและใช้งานตู้ป้ายไฟจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น การขอใบอนุญาต ขนาด ตำแหน่ง ความสูง และการควบคุมแสงและเสียง เพื่อป้องกันปัญหาทางกฎหมายและความปลอดภัย นอกจากนี้ ควรเลือกใช้ป้ายที่มีคุณภาพ ทนทาน และประหยัดพลังงาน พร้อมทั้งดูแลรักษาให้ปลอดภัยอย่างสม่ำเสมอ