การพิมพ์ดิจิทัล ช่วยลดเวลาและต้นทุนการผลิตได้อย่างไร?
การพิมพ์ดิจิทัล ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนและเวลาในการผลิตเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดด้วยคุณภาพสูงสุด
การพิมพ์บรรจุภัณฑ์ให้มีคุณภาพสูงนั้นไม่เพียงขึ้นอยู่กับการออกแบบที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังต้องพิจารณาระบบการพิมพ์ที่เหมาะสมกับประเภทของบรรจุภัณฑ์และวัสดุที่ใช้ด้วย เช่น กระดาษ หมึกพิมพ์ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย การพัฒนาระบบการพิมพ์ในประเทศไทยได้ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ระบบการพิมพ์แบบดั้งเดิมไปจนถึงระบบที่ทันสมัย เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ประกอบการและผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์ได้เป็นอย่างดี บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ 6 ระบบการพิมพ์บรรจุภัณฑ์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย รวมถึงเทคนิคเพิ่มเติมที่จะช่วยให้คุณเลือกใช้ระบบการพิมพ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Letterpress เป็นระบบการพิมพ์ที่เก่าแก่ที่สุด และยังคงใช้อยู่ในปัจจุบัน แม้ว่าจะไม่เป็นที่นิยมมากนักเนื่องจากความเร็วในการพิมพ์ที่ค่อนข้างช้า แต่ระบบนี้มีความสามารถในการพิมพ์ที่มีรายละเอียดสูง เหมาะสำหรับงานพิมพ์จำนวนน้อย เช่น ฉลากต่างๆ บนกระดาษแข็ง หรือกระดาษลูกฟูก ข้อดีของการพิมพ์ Letterpress คือความสามารถในการสร้างลายนูน (embossing) และลายเคลือบ (debossing) บนบรรจุภัณฑ์ เพิ่มความรู้สึกหรูหราให้กับผลิตภัณฑ์
Flexography หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า Flexo เป็นระบบการพิมพ์ที่ได้รับความนิยมสูงในอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ เนื่องจากมีความรวดเร็วและสามารถพิมพ์ได้บนวัสดุหลากหลายประเภท เช่น กระดาษ กระดาษแข็ง กระดาษลูกฟูก พลาสติกอ่อน หรืออลูมิเนียมฟอยล์ ระบบ Flexo ใช้แม่พิมพ์ยางหรือโพลีเมอร์ในการพิมพ์ ซึ่งสามารถดัดแปลงให้เข้ากับรูปทรงต่างๆ ของบรรจุภัณฑ์ได้ ทำให้เหมาะสมกับการพิมพ์บรรจุภัณฑ์ที่ต้องการความยืดหยุ่นและความทนทาน
Rotogravure หรือที่เรียกกันว่า Gravure เป็นระบบการพิมพ์ที่ใช้ลูกกลิ้ง (cylindrical) ที่มีลายแกะสลักสำหรับการพิมพ์บนวัสดุที่มีลักษณะบางและอ่อน เช่น กระดาษฟอยล์ ฟิล์มพลาสติก หรือวัสดุอ่อนที่มีพื้นผิวเรียบ ระบบ Gravure เหมาะสำหรับการพิมพ์ที่ต้องการคุณภาพสูงและปริมาณมาก โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม
การพิมพ์ Offset เป็นระบบการพิมพ์ที่นิยมใช้อย่างแพร่หลายที่สุดในวงการบรรจุภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรจุภัณฑ์ประเภทกระดาษและกระดาษแข็ง เนื่องจากระบบ Offset มีความแม่นยำสูงในการพิมพ์และสามารถพิมพ์ได้ในปริมาณมาก การพิมพ์ Offset สามารถใช้ได้ทั้งกับวัสดุป้อนแผ่น (sheet-fed) และวัสดุป้อนม้วน (web-fed) นอกจากนี้ยังสามารถพิมพ์บนแผ่นเหล็กเคลือบดีบุกได้อีกด้วย ทำให้การพิมพ์ Offset เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับบรรจุภัณฑ์ประเภทต่างๆ
การพิมพ์ Silk Screen หรือที่รู้จักกันในชื่อการพิมพ์สกรีน เป็นระบบการพิมพ์ที่เหมาะสำหรับการพิมพ์บนพื้นผิวที่หลากหลาย เช่น การพิมพ์บนบรรจุภัณฑ์พลาสติก แก้ว หรือโลหะ การพิมพ์สกรีนใช้แม่พิมพ์ที่มีลักษณะเป็นตาข่ายซึ่งหมึกจะถูกกดลงผ่านตาข่ายนี้ลงไปยังบรรจุภัณฑ์โดยตรง ทำให้ได้งานพิมพ์ที่มีคุณภาพสูงและทนทาน เหมาะสำหรับงานพิมพ์ฉลากที่ต้องการความคมชัดและสีสันที่สดใส
Digital Printing เป็นระบบการพิมพ์ที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยในการพิมพ์โดยตรงจากไฟล์คอมพิวเตอร์ไปยังบรรจุภัณฑ์ ระบบนี้มีความแม่นยำสูง รวดเร็ว และสามารถพิมพ์ในปริมาณน้อยๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบ Digital Printing ใช้เครื่องพิมพ์แบบอิงค์เจ็ทหรือเลเซอร์ และไม่ต้องผ่านขั้นตอนการทำเพลทหรือแยกสีเหมือนระบบอื่นๆ ทำให้สามารถปรับเปลี่ยนการออกแบบได้ง่ายและรวดเร็ว เหมาะสำหรับบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการความยืดหยุ่นในการออกแบบหรือพิมพ์ตามสั่ง (print on demand)
เมื่อพิจารณาเลือกระบบการพิมพ์สำหรับบรรจุภัณฑ์ นอกจากคำนึงถึงปัจจัยพื้นฐานแล้ว ยังมีเทคนิคเพิ่มเติมที่ควรนำมาพิจารณาด้วย ได้แก่
วัสดุของบรรจุภัณฑ์จะเป็นตัวกำหนดระบบการพิมพ์ที่เหมาะสม เช่น
ปริมาณการพิมพ์ที่ต้องการก็เป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกระบบ ดังนี้
สำหรับบรรจุภัณฑ์ที่ต้องการความคมชัดและสีสันที่สดใส ระบบ Digital Printing และ Silk Screen จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า เนื่องจาก
ดังนั้น การพิมพ์บรรจุภัณฑ์ให้มีคุณภาพสูงนั้นจำเป็นต้องเลือกระบบการพิมพ์ที่เหมาะสมกับประเภทของบรรจุภัณฑ์และวัสดุที่ใช้ โดยมี 6 ระบบการพิมพ์ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ Letterpress, Flexography, Rotogravure, Offset, Silk Screen และ Digital Printing แต่ละระบบมีข้อดีและข้อเสียต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวัสดุ ปริมาณการพิมพ์ และคุณภาพที่ต้องการ เทคนิคเพิ่มเติมในการเลือกใช้ระบบการพิมพ์คือการเลือกตามวัสดุ คำนึงถึงปริมาณการพิมพ์ และเน้นคุณภาพสีและรายละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในการพิมพ์บรรจุภัณฑ์ของคุณ